วันที่ 11 เม.ย.64 นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจร่วมกับ นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ประธานอนุกรรมการการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อดุลย์ โชตินิสากรณ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และพล.อ.สุรสิทธิ์ ถนัดทาง ผอ.ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ร่วมเปิดงาน “ประชุมสัมมนานานาชาติ เชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: GTEC” งานสัมนาเจรจาจับคู่ทางการค้า เชื่อมโยงสินค้าและบริการของคนไทย รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม) เข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีนที่มีกำลังซื้อและศักยภาพสูง เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการค้าให้ผู้ประกอบการในช่วงวิกฤติโควิด-19 พร้อมกันนี้ ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “มุมมองและโอกาสของผู้ประกอบการกับการเชื่อมโยงการค้าออนไลน์ บนระเบียงเศรษฐกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ GTEC ภายใต้สถานการณ์โควิด-19” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ จากทั้งไทยและจีนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
โดยนายปริญญ์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ขึ้นในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย แต่ทุกวิกฤติมักจะมาพร้อมโอกาสเสมอ ซึ่งหนึ่งในโอกาสสำคัญคือ “การทำตลาดออนไลน์” ที่เห็นได้ชัดเจนว่าภาวะวิกฤติมีส่วนเร่งให้เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการไทยขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ประเทศเพื่อนบ้านมีกำลังซื้อที่น้อยลง และการส่งออกข้ามทวีปเป็นไปได้ยาก ดังนั้นการมองหาตลาดที่มีความต้องการซื้อสินค้าจากต่างประเทศสูงอย่างตลาดจีนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมากที่มีอัตลักษณ์ประจำถิ่นโดดเด่นอยู่แล้ว แต่ผู้ประกอบการบางรายอาจจะยังขาดองค์ความรู้ในเรื่องของการหาตลาด การนำเทคโนโลยีมาใช้กับธุรกิจ รวมถึงการรักษาคุณภาพและการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าอยู่บ้าง จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ในการช่วยกันพัฒนาการค้าออนไลน์ของไทยให้มีมูลค่าสูงและมีศักยภาพที่พร้อมแข่งขันบนเวทีโลก ภายใต้นโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ของท่านรองนายกฯจุรินทร์ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้ผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้การค้าออนไลน์เติบโตไปได้อย่างยั่งยืน คือ การปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดของคนให้ทันโลกยุคใหม่ที่ไร้พรมแดน โดยนำความเป็น 0.4 อัตลักษณ์ท้องถิ่น มาผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ 4.0 ซึ่งการบูรณาการความร่วมมือผ่านโครงการจีเทคในครั้งนี้ จะสามารถตอบโจทย์การสร้างความยั่งยืนได้ในทุกมิติ ทั้งด้านรายได้ และความสัมพันธ์อันดีระหว่าวผู้ประกอบการไทย-จีน เพราะเป็นงานที่ผสมผสานระหว่างการหาตลาดก่อนการผลิต การให้องค์ความรูด้านการประกอบอาชีพแก่ผู้ประกอบการ การประชาสัมพันธ์สินค้าไทย และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้าระหว่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
นายปริญญ์กล่าวต่อไปว่า ความร่วมมือดังกล่าวยังสามารถนำไปต่อยอดในมิติของการท่องเที่ยวชุมชนเชิงเกษตรได้อีกด้วย เพราะเมื่อสถานการณ์วิกฤติเริ่มคลี่คลาย จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทยและอุดหนุนสินค้าไทยกันมากขึ้น
“เราควรแปลงจีนให้เป็นโอกาส อย่ามัวแต่กลัวหรือกังวล เพราะจีนคือโอกาสมหาศาลของผู้ประกอบการไทย”
สำหรับงานสัมนาออนไลน์ในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยการเสวนาในหัวข้อที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ อาทิ มุมมอง-โอกาส-ปัญหา-อุปสรรคของสินค้าและบริการสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ China Before and After COVID-19 เป็นต้น รวมทั้งมีกิจกรรมเจรจาจับคู่ทางการค้าและบริการให้คำปรึกษาด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีนด้วย