นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของการสืบสวนสอบสวนของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) และนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในช่วงกรอบระยะเวลา 7 วัน พบมีมูลความผิดวินัยร้ายแรงจริงและไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการสืบปากคำได้ เพราะเป็นการสืบสวนในทางลับ แต่เบื้องต้นอธิบดีกรมอุทยานฯยังให้การปฏิเสธอยู่ โดยเฉพาะเรื่องที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าวที่พบอยู่ในห้องทำงาน แต่จะส่งเอกสารเป็นรายละเอียดชี้แจงมาให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 10 มกราคมนี้
ทั้งนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสอบข้อเท็จจริงลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น โดยมีผู้ตรวจราชการหรือรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะกรรมการชุดที่ 2 นี้ มีกรอบเวลาดำเนินการภายใน 30 วัน แต่หากไม่แล้วเสร็จอาจจะต่อระยะเวลาอีก 30 วัน ซึ่งมีโทษสูงสุดคือการถูกไล่ออกจากราชการ โดยจะต้องตั้งกรรมการมาปฏิบัติหน้าที่และประชุมภายใน 7 วัน เพื่อสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่พบ และเชิญหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่มีรายชื่ออยู่บนซองเงินมาให้ปากคำเพิ่มเติม รวมถึง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ต้องเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องของคดีอาญาเป็นหน้าที่ของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) กรณีคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงมีมติชี้มูลความผิดร้ายแรงแล้วผู้ถูกกล่าวหาสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 90 วัน