16 พ.ค.64-เวทีไทยไม่ทนฯ มีการเสวนา ทางออกจากวิกฤติประเทศไทย โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า วิกฤตประเทศที่เรากำลังเผชิญมีทั้ง วิกฤติไวรัสโควิด วิกฤติรัฐธรรมนูญ ที่สร้างมาเพื่อพล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้อง วิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งหมดเกิดเพราะเราขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ที่เขาพูดกันหยาบๆ ผู้นำโง่ แต่ตนไม่อยากพูดซ้ำ ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนผู้นำ วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นปัญหาใหญ่ รวมทั้งวิกฤติโควิด ก็ขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ทำให้การบริหารอย่างล้มเหลว อย่างสิ้นเชิง หากจะแก้ปัญหาได้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเสียสละลาออก ไม่เหมาะเป็นผู้นำประเทศในยามวิกฤติ ความเชื่อถือหมดไป เป็นผู้นำไร้สัจจะ พูดแล้วคนไม่เชื่อ บอกจะอยู่ไม่นาน ไม่ปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปตำรวจ บอกจะปราบโกง แล้วเป็นอย่างไร เป็นความล้มละลายทางสัจจะอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังไร้ความสามารถ
“หากลาออก ก็ไม่ได้เสียหาย ดูตัวอย่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่มา8ปี สุดท้ายก็บอก ผมพอแล้ว เมื่อลาออกแล้ว บ้านเมืองก็ไม่ได้แย่ ขอให้เชื่อ อยุธยาไม่สิ้นคนดี ไม่มีทางอื่น ต้องขอร้อง พล.อ.ประยุทธ์ เสียสละลาออก ไม่อยากให้ประมาท ทหาร พรรคการเมือง ยังสนับสนุน ม็อบไม่ได้ใหญ่โต แต่อย่าประมาท พลังจิตวิญญาณการต่อสู้ของคนไทย ส่วนตัว ไม่อยากเห็นภาพของประเทศไทย ที่คนลงถนนเหมือนกัน ไม่อยากเห็นภาพผู้นำไร้สติ ลองดีกับพลังอำนาจ ประชาชนต่อไปอีกเลย”
ส่วนนายโภคิน พลกุล หนึ่งในแกนนำพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า วิกฤติที่เกิดขึ้น เป็นเพราะผู้นำ มีความคิดแบบอำนาจนิยม หากความคิดนี้ ยังครอบงำประชาชน ก็จะเหนื่อย แต่คนรุ่นใหม่เริ่มตื่นตัวขึ้นเรื่อยๆ รู้ว่า การบริหารประเทศมาแบบนี้ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ยิ่งมาเจอโควิด ยิ่งเละไปหมด แทนที่จะให้หมอเป็นผู้นำ แต่กลับเอาฝ่ายมั่นคงมาเป็นผู้นำ นอกจากนี้การบริหารจัดการระบบราชการที่ควรต้องก้าวข้าม หากขจัดอำนาจนิยมไม่ได้ ทำให้รัฐราชการ เป็นรัฐประชาชนไม่ได้ ก็จะเป็นอย่างนี้
“ต้องขอถามว่า ถ้าแย่จนเจ๊งก็จะไม่เปลี่ยนใช่หรือไม่ หลายๆประเทศก็เคยทำ ทุกอย่าง ไม่มีอะไรอยู่กับที่ ตายตัว รู้สึกเสียดายเวลา นายกรัฐมนตรีมา 7ปี ไม่ต้องไปเขียนแผนอะไรมาเยอะแยะ หากยกเลิกสิ่งที่ไร้สาระออก ประเทศก็เดินไปได้แล้ว”