©
นายวิทการจันทวิมลรองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์บมจ.เอพีไทยแลนด์เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส1ที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายได้7,966ล้านบาทเติบโต32% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย6,045ล้านบาทโดยมาจากยอดขายโครงการแนวราบมากถึง7,293ล้านบาทเนื่องจากลูกค้าเชื่อมั่นแบรนด์ที่กระจายอยู่ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและใน5จังหวัดใหญ่อย่างขอนแก่นระยองนครศรีธรรมราชอยุธยาและเชียงราย รวมทั้งหมด 113 โครงการ
สำหรับแผนงานไตรมาส 2 นี้จะเปิดตัวแนวราบ 5 โครงการ มูลค่ารวม 2,660 ล้านบาท โดยจะเปิดขายช่วงเดือนมิ.ย. คือ บ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่า 1,650 ล้านบาท ทาวน์โฮม 3 โครงกสร มูลค่ารวม 1,010 ล้านบาท และโฮมออฟฟิศ มูลค่า 110 ล้านบาท จากเป้าหมายปี64 นี้จะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาทั่วประเทศ 145 โครงการ มูลค่าพร้อมขาย 118,128 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดใหม่ 34 โครงการ มูลค่า 43,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 30 โครงการ และตั้งแต่ต้นปีเปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการ และคอนโดมิเนียมที่คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังจำนวน4โครงการตั้งเป้าสิ้นปีรับรู้รายได้รวม43,100ล้านบาทและมียอดขายที่35,500ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส2นี้เชื่อว่ายังคงอยู่ในสภาวะที่รอการฟื้นตัวทั้งในภาพของความต้องการที่ยังเป็นไปตามภาพรวมเศรษฐกิจด้านการเปิดตัวสินค้าใหม่ยังคงเกิดจากผู้เล่นรายใหญ่ไม่กี่รายในตลาดและสินค้าคอนโดมิเนียมคาดว่าน่าจะกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังแต่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัวกลับไปเหมือนก่อนเผชิญสถานการณ์โควิด-19ด้านสินค้าแนวราบยังคงเป็นสินค้าซูเปอร์สตาร์ต่อเนื่องไปอีก
นายวิทการ กล่าวว่า โอกาสรอดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ท่ามกลางการต้องเผชิญกับปรากฎการณ์ระลอกคลื่นความเสียหายที่เกิดจากโควิด-19นั้นนอกจากแผนการบริหารจัดการภายในองค์กรเพื่อสร้างความแข็งแกร่งแล้วนั้นการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าให้มีสินค้าพร้อมขายและกระจายไปในหลายทำเลเพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากขึ้นถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยให้สำเร็จ