นอกจากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทองจะทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งนำความรุ่งเรืองมาสู่อาณาจักรที่ปกครองประเทศยาวนานที่สุดถึง 417 ปี จนแม้เมื่อประเทศไทยก้าวมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว แต่ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านยังแจ่มชัด ในใจชาวอยุธยา เมื่อเกิดเหตุอาถรรพ์ขึ้นหลายครั้งหลายหน ชาวเมืองทำมาค้าขายฝืดเคือง ชีวิตหาความเจริญก้าวหน้าไม่ได้ เพราะเชื่อกันว่าอยุธยาคือเมืองอาถรรพ์ ด้วยเกิดเหตุกรุงแตกขึ้นจนนำไปสู่การล้มตายของผู้คนจำนวนมาก ทางจังหวัดจึงสถาปนาพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทอง ผู้ที่ชาวอยุธยาเลื่อมใสในฐานะที่เป็น ‘เทพศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง’ ขึ้นใน พ.ศ. 2511 ดำเนินการก่อสร้าง 2 ปีจึงแล้วเสร็จ เพื่อหวังให้เป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง พระบรมราชานุสาวรีย์นี้น่าเกรงขามยิ่งนัก พระเจ้าอู่ทองขนาดเท่าครึ่งหนึ่งขององค์จริง เนื้อทองสัมฤทธิ์รมน้ำยาสีเขียว ในอิริยาบถประทับยืน พระเกศาเกล้าขึ้น พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์และฉลองพระองค์อย่างพระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ผินพระพักตร์ไปทางทิศใต้อันเป็นที่บรรจุอัฐิของพระองค์ ณ วัดพระราม บริเวณสนามหลวงเดิม หน้าวิหารพระมงคลบพิตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระกรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์เมื่อวันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2513 และทุกวันที่ 3 เมษายน ชาวอยุธยาจะร่วมกันบำเพ็ญกุศลอุทิศเป็นราชพลีแด่สมเด็จพระเจ้าอู่ทองที่ทรงปกปักษ์นครโบราณแห่งนี้มาหลายศตวรรษ นอกจากนี้ควรไปสักการะพระดวงวิญญานของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง และอดีตบูรณกษัตริย์ 5 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระสุริโยทัย สมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระนารายณ์และสมเด็จพระเจ้าตากสิน ซึ่งสถิตอยู่ ณ อยุธยามหาปราสาทที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อเป็นสิริมงคลด้วย เปิดให้สักการะได้ทุกวัน